top of page

อาหารมอญบ้านม่วง

          เนื่องจากในชุมชนตั้งอยู่ในจังหวัดราชบุรี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ความเจริญจากเมืองกรุง จึงเข้ามาอย่างง่ายดายรวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ามาอย่างรวมเร็ว ดังนั้น ทำให้ชุมชนได้มีการผสมกลมกลืนไปกับคนไทยและโดยเฉพาะเรื่องของอาหาร ผู้คนในชุมชนมอญก็มีวิธีชีวิตรเช่นเดี่ยวกับคนไทย การหุงหาอาหารก็มีความคล้ายคลึงกับคนไทย

            อาหารในวิถีชีวิตของชาวมอญที่ได้สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของชาวมอญลุ้มแม่นแม่กลองแห่งนี้แบ่งได้ 5 ประเภทคือ

ประเภทที่ 1 คือ อาหารคาว

          ซึ่งเป็นอาหารประจำครัวเรื่อนมีดังนี้

“แกงเผ็ด” ได้แก่

          แกงกลัวยดิบ (ฟะ-ปร่าด-กรอง = ฟะปร่าดกรอง)

          แกงหัวตาล (ฟะ-กะ-ด็อบ-ตา = ฟะกะด็อบตา)

          แกงใบยอ (ฟะ-ตะ-นะฮ-เมี่ยะ-โญะ = ฟะตะเนาะเมี่ยะโญะ)

          แกงมันเทศหรือมันพวง (ฟะ-วึ่น = ฟะวื่น)

แกงส้ม” ได้แก่

          แกงมาซ่าน(ลูกสั้น) (ฟะ-คะ-ล็อด = ฟะอะล้อด)

          แกงมะตาด (ฟะ-คะ-เปรา = ฟะฮะเปร้า)

          แกงดอกงิ้วกับพุทรา (ฟะ-กาว-เกริจ-กอ-ซ็อด-เพี่ยะ-โต่ = ฟะกาวเกริจ กอซ็อดเพี่ยโต่)

          แกงดอกสันตะวากับพุทรา (ฟะ-ตะ-นะฮ-เกี่ยะ-เจบ-กอ-ซะ-เน-กู่ = ฟะตะเนาะ เกี่ยะเจ็บ กาซะเนกู่)

          แกงบอน (ฟะ-ทาญ-กราว = ฟะทาญกราว)

          แกงผักปลัง (ฟะ-ฉลอน = ฟะฉลอน)

          แกงใบส้มป่อยกับกล้วยดิบ (ฟะ-กะ-โม-เลี่ยะ-โป-กอ-ปร่าด-กรอง = ฟะกะโมเลี่ยะ เปี๊ยกอ ปร่าดกรอง )

          แกงหยวกกล้วยกับใบมะขามอ่อน (ฟะ-ตะ-นอม-ปร่าด-กอ-กะ-โม-แม่ง-โกล่น = ฟะตะนอมปราดกาอะโมฮ์แมงโกล่น)

          แกงฟักทอง (ฟะ-คะ-ปอย-ทอ = ฟะคะป่อยทอ)

          แกงใบอัญชัญ (ฟะ-ตะ-นะฮ-โย่น = ฟะตะเนาะโย่น)

          แกงใบกระเพรา (ฟะ-ว่าญ-เกี่ยะ-เพรา = ฟะวาน เกี่ยเพรา)

          แกงมันมือเสือ (ฟะ-เชีย = ฟะเชีย)

          แกงเผือก (ฟะ-กะ-ดอบ-กราว = ฟะกะดอบกราว)

          แกงกระทืบ (ฟะ-คะ-มาจ = ฟะคะมาจ)

          แกงน้ำข้าวโพดฟักอ่อน (ฟะ-ดาจ-ตอฮ-ซะ-โก่น = ฟะดาจ เตาะซะโก่น)

“แกงคั่ว” ได้แก่

          แกงใบมะรุม (ฟะ-ตะ-นะฮ-คะ-นาย-เดิง = ฟะตะนะฮ์ ฮนายเดิง)

          แกงหัวปลี (ฟะ-คะ-โต่ง-หร่าด = ฟะคะโต๊ะปร่าด)

          แกงผักบุ้งนา (ฟะ-ตะ-เนิง-วุ่ง-เวี่ย = ฟะตะเนิง วุ่งเวี่ย)

“แกงจืดหรือแกงซด” ได้แก่

          ต้มปลาย่างใบมะขามอ่อน (ฟะ-กะ-เกี่ยะ-เต่อ-กอ-กะ-โม-แม่ง-โกล่น = ฟะกะเกี่ยะ โต๊ะกอ กะโมแม่งโกล่น)

          ต้มน้ำเต้า(ฟะ-เล่อ = ฟะเล่อ)

“ยำ” ได้แก้

          ยำมะม่วง (กะ-วอจ-เกริก = กะวอจ เกริก)

          ยำขนุน (กะ-วอจ-ปะ-นอฮ = กะวอจ ปะเนาะ)

          ยำลูกยอ (กะ-วอจเมี่ย-โญ่ะ = กะวอจ เมี่ยโญ่ะ)

          ยำหัวปลี (กะ-วอจ-คะ-โต่ะ-ปร่าด = กะวอจ คะโต่ะ ปร่าด)

“น้ำพริกหรือเครื่องหลนหรือเครื่องจิ้ม” ได้แก่

          น้ำพริกปลาย่าง (ดาจ-เมี่ย-ร่อจ-กะ = ดาจ เมี่ยเริน กะ)

          ปลาร้าหลน (ปะ-ร็อก-กะ-เซียก = ปะปร๊อก กะเชียก)

          น้ำปลายำหรือน้ำปลาทรงเครื่อง (ดาจ-กะ-วอจ-กะ-จอม = ดาจ กะวอจ กะจอม)

          น้ำพริกมะเขืออ่อน (ดาจ-เมี่ย-ร่อจ-คะ-โดง = ดาจ เมี่ยเริน คะโดง)

          น้ำพริกมะขามอ่อน (ดาจ-เมี่ยะ-ร่อจ-แม่ง-โกล่น-ซะ-เนียก = ดาจ เมี่ยเริน แม่งโกล่น ซะเนียก)

ประเภทที่ 2 คือ อาหารหวาน

         ชาวมอญนั้นจะทำขนมตามฤดูกาลของพืช มักจะทำในช่วงตอนเย็นของวันโกนเพื่อนำไปทำบุญตักบาตรที่วัดในวันพระ อาหารหวานของชาวมอญบ้านโป่ง มีดังนี้

         ขนมตาล (หวาญตา = หวานตา)

         ขนมข้าวต้มลูกโยน (กวาญ-คะ-โล่ม-เอิจ-เกลิจ = กวันคะโล่ม เอิจ เกลิจ)

         ขนมด้วง (กวาญ-ตอ-กะ-นะฮ = กวันตอกะนะ)

         ขนมข้าวตอกน้ำกะทิ (กวาญ-เปีย-กะ-กอ-ดาจ-ตอฮ-ซะ-เพรี่ย = กวันเปียกะกอดาจ เตาะซะเพรี่ย)

         ขนมข้าวเม่าน้ำกะทิ (กวาญ-ปะ-งาน-กอ-ดาจ-ตอฮ-ซะ-เปรี่ย = กวันปะงานกอดาจ เตาะซะเพรี่ย)

         ขนมข้าวเม่าคลุกน้ำตาล (กวาญ-ปะ-งาน-คะ-ลาว-กอ = กวันปะงาน คะลาวกอ)

         ขนมต้ม (กวาญ-เพลิ่บ-ดาจ = กวันเพลิ่บดาจ)

         ขนมเม็ดแมงลักน้ำกะทิ (กวาญ-เมี่ย-กะ-แจะ-กอ-ดาจ-ตอฮ-ซะ-เปรี่ย = กวันเมี่ยกะแจะ กอดาจ เตาะซะเพรี่ย)

         ขนมดอกโสน (กวาญ-กาว-กะ-ล็อย = กวันกาวกะล็อย)

         ขนมกล้วย (กวาญ-ปร่าด = กวันปร่าด)

         ขนมงวงช้าง (กวาญ-ดอฮ-เจิญ = กวันเดาะเจิญ)

ประเภทที่ 3 คือ อาหารเทศกาล

         เนื่องจากชาวมอญเป็นผู้ที่เลื่อมใสในพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด เทศกาลที่สำคัญจะเกี่ยวกับศาสนาได้แก่

วันมาฆบูชา วันเข้าพรรษา ตักบาตรน้ำผึ้ง ออกพรรษา เป็นต้น อาหารที่ทำขึ้นจะนำไปทำบุญที่วัด และส่งให้ญาติผู้ใหญ่หรือผู้ที่เคารพนับถืออาหารเทศกาลของชาวมอญบ้านโป่งมีดังนี้

         ข้าวต้มเครื่อง “ข้าวหลาม (เปิง-บอฮ-คะ-ลาม = เปิงเบ๊าะ คะลาม)”  นำไปทำบุญถวายวัดในเวลาเช้าตรู่ของวันมาฆบูชา เดือน 3 อากาศหนาวชาวบ้านเผาฟืนถวายความอุ่น พระสงฆ์นั่งฉันรอบกองไฟ อาหารมื้อนี้เรียกว่า เปิง-ปะ-เยอ

          “ข้าวแช่ (เปิงซันกราน)” รับประทานกับปลาป่นหวาน ยำขนุน ยำมะม่วง หัวผักกาดหวานผัดไข่ กระเทียมดอง ผัดไข่ จะรับประทานกันในวันสงกรานต์

          “ขนมกาละแม (กวันฮะกอ)” จะจัดทำในเทศกาลออกพรรษาเดือน 11

          “ข้าวยาคู (เยี่ย-กุ่ = เยี่ยกู)” จัดทำในเดือน 12 เมื่อต้นข้าวตั้งท้อง จะนำไปถวายพระทุกวัดในชุมชน

          “ขนมจีน (คะ-นอม = คะนอม)” จัดทำขึ้นช่วงเวลาที่มีงานในชุมชน เช่น งานบวชรับประทานกับน้ำยา น้ำพริก มีผักเคียง ได้แก่ ใบแมงลัก ยอดกระถิน ถั่วงอก เป็นต้น

          “ขนมทอด (กวาญ-ก๊อก-จ่าง-ก๊อก-ตัว = กวาญก๊อกจ่างก๊อกตัว)” จัดทำในงานพีธี เช่น ทำขวัญโกนผมจุก ผมเปีย และบวชนาค

ประเภทที่ 4 คือ อาหารว่าง

          เป็นอาหารที่รับประทานระหว่างมื้อ มักทำในโอกาสพิเศษ เช่น เลี้ยงแขก หรือมืเวลาว่างจากงานเป็นต้น อาหารว่างของชาวบ้านโป่งมีดังนี้

          “ข้าวต้มกะทิ (เปิง-คะ-ด็อจ = เปิงคะด็อจ)” รับประทานกับปลาเค็มน้ำตาลทราย

          “ข้าวมัน (เปิง-กลอญ = เปิงกลอน)” รับประทานกับส้มตำมอญ หรือปลาเค็ม

          “ส้มตำมอญ (กะ-ว็อจ-ก็อด-จี = กะว็อจก็อดจี้)” รับประทานกับข้าวเหนียว แกล้มผักเคียง ได้แก่ ใบขนุนอ่อน ใบทองหลาง ใบคูน ใบชะพลู ใบมะยม ยอดกระถิน ยอดผักบุ้ง เป็นต้น

ประเภทที่ 5 คือ อาหารผู้ป่วย

         ในช่วงเวลาที่แพทย์ยังไม่เจริญก้าวหน้า และการคมนาคมยังไม่สะดวกดังเช่นในปัจจุบัน หากมีคนในครอบครัวเจ็บป่วย ไม่สบายก็ต้องพึ่งพาหมอในชุมชน ทำการรักษาด้วยยาสมุนไพร ควบคู่ไปกับคาถาอาคมซึ่งทำให้จิตใจของผู้ป่วยเข็มแข็งหายเร็วขึ้น การรับประทานอาหารจึงต้องระวังและต้องหลีกเลี่ยงอาหารบางอย่างที่ทำให้แสลง อาการเจ็บป่วยอาจจะทรุดหนักลงไป อาหารที่ชาวมอญบ้านโป่งทำให้ผู้ป่วยรับประทาน เป็นอาหารจากข้าวเจ้า ปรุงรสชาติอ่อนๆ ด้วยเกลือกับน้ำตาล มีดังนี้

         “ขนมเบื้องมอญ (กวาญ-กะ-เวียก = กวันกะเวี๊ยก)” ใช้แป้งข้าวเจ้าปรุงรส ทอดให้เป็นแผ่น

         “ข้าวปิ้ง (เปิง-บอฮ = เปิงเบ๊าะ)” ใช้ข้าวเจ้าต้มให้เปื่อย ปรุงรสอ่อนๆ ด้วยเกลือ อาจจะผสมน้ำตาลทรายเล็กน้อยเพื่อให้มีรสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น

อาหารในท้องถิ่น

แผนที่่ร้านอาหารในชุมชน

bottom of page